ประวัติพระอธิการเสือหรือพระปลัดเสือ ปุญญศิริ(แวว ฉิมพลี ) ชาติภูมิ เกิดที่บ้านงิ้ว อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา เมื่อวันอังคาร ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 3 ปีขาล พ.ศ. 2397 เป็นบุตรของนาย นาค ฉิมพลี นางกรึม ฉิมพลี มีพี่น้องร่วมท้องเดียวกันทั้งหมด 5 คน ท่านเป็นคนที่ 3 คือ 1.นางม่วง 2.นางปราง 4.นายชื่น 5.นายกล่ำ ท่านเกิดปีขาลคงดุ จึงมีชื่อว่า เสือ สืบเเต่นั้นมา เมื่ครั้งรับราชการทหารใช้ชื่อว่า เเวว ฉิมพลี เดิมเมื่อท่านอายุได้ 21 ปี ได้ถูกเกณฑ์ไปรบทัพฮ่อ ได้ถูกปืนที่เท้าบาดเจ็บทางการได้ส่งคืนไปยังจังหวัด ญาติได้เข้าไปรับเอาออกมาเพื่อรักษาพยาบาลจนเป็นปกติดี เรื่องราวพิศดารเกี่ยวกับการปราบฮ่อ มีดังนี้ ลุปีระกาสัปตศก จุลศักราช 1247 พ.ศ. 2428 เมืองหลวงพระบางมีใบบอกลงมาบางกอก ได้เกิดมีพวก ฮ่อธงเหลือง ก่อการกำเริบคุมสมัครพรรคพวกเข้ามาตั้งอยู่ปลายเขตเเดนสยาม เเล้วยกกองทัพเข้ามาตีหัวเมืองต่างๆปลายเขตเเดน เจ้าเมืองหลวงพระบางไดเกณฑ์เพี้ยพระยาลาวให้คุมพล 1400 คนขึ้นไปปราบปรามฮ่อ เเต่ทว่ากว่าจะสำเร็จได้ก็ต้องอาศัยฝีมือของ จอมพลเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี(เจิม เเสงชูโต) เป็นเเม่ทัพใหญ่ นำกองกำลังทัพสยาม ขึ้นไปปราบจนสงบราบคาบ กาลครั้งนั้น พระอธิการเสือยังอยู่ที่นครราชสีมาเเละยังมิได้อุปสมบทขณะนั้นมีอายุเพียง 21 ปี เเละเป็นหนุ่มวัยฉกรรจึงถูกเกณฑ์ไปรบกับฮ่อ โดยใช้ชื่อเดิมว่า เเวว ฉิมพลี ในฐานะที่เป็นลูกศิษย์ของ พระครูธวัชชัยคุณมุนี(มี จนุทสโร)เจ้าอาวาสวัดหน้าพระธาตุ จ.นครราชสีมา ผู้เป็นพระอาจารย์ผู้มีความรู้ทางวิชาอาคมเรืองวิทยาคุณสูง จึงเชื่อว่าศิษยานุศิษย์คงได้รับประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ทางไสยศาสตร์เเละคาถาอาคมขลังเป็นเเน่ ครั้งพระอธิการเสือ มีอายุ 22 ปี ทางญาติผู้ใหญ่จึงจัดการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมา วัดบ้างิ้ว จ.นครราชสีมา โดยมีท่านพระครูธวัชชัยคุณมุนี(มี จนทสโร) วัดหน้าพระธาตุ เป็นพระอุปัชฌายะ หลังบวชได้ฉายาว่า ปุญญศิริ พระอาจารย์เสือจำพรรษาที่วัดบ้านงิ้วได้ 3 พรรษา ท่านจึงเดินทางจากปักธงชัย โคราช ลงมาเยี่ยมญาติที่ จ.นครนายก ได้พำนักอยู่ที่ วัดสุวรรณ (ชื่อเดิม วัดคลองปลาดุก เปลี่ยนมาเป็น วัดทอง ปัจจุบันเป็น วัดสุวรรณ ) ต.ศรีนาวา อ.เมือง จ.นครนายก ครั้งถึงคราวจะกลับบ้านญาติที่ปักธงชัย จ.โคราช เเต่ท่านทั้งสองคือ หลวงพ่อน้อย เเละ ท่านอาจารย์ทอินทร์ ขอร้องหลวงพ่อเสือมิให้กลับ บอกว่าให้อยู่ช่วยกันบูรณะซ่อมเเซมวัด ดังนั้นหลวงพ่อเสือจึงช่วยเหลือเต็มที่เพราะเคยมีฝีมือช่างไม้เเละช่างเหล็ก ครั้งพระอาจารย์ทองอินทร์มรณภาพลง หลวงพ่อเสือจึงได้เป็นเจ้าอาวาสวัดนี้ นอกจากนั้นยังได้จัดการเปลี่ยนนามของวัด เพื่อให้ไพเราะถูกต้องตามภาษานิยม ซึ่งนามเดิมของวัดนี้เรียกกันว่า วัดคลองปลาดุก เพราะเหตุที่ตั้งอยู่ปากคลองปลาดุกนั้นเองจึงให้นามใหม่ว่า วัดทองเเละวัดสุวรรณ ตามลำดับ( วัดนี้เเต่เดิมเป็นที่สวนของชาวจีนคนหนึ่งไม่ปรากฎชื่อเเซ่ ต่อมาเจ้าของที่ไม่ได้อยู่จึงได้ถวายที่ดินเป็นวัด มีเนื้อที่ 9 ไรเศษ วัดนี้มีลักษณะพื้นที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ยาวไปตามลำเเม่น้ำนครนายก ตามประวัติเล่าว่า เป็นวัดเก่าเเก่วัดหนึ่ง ประกาศจัดตั้งเป็นทางการ เมื่อวันที่ 10 พ.ย.2327 ในเเผ่นดินรัชการที่ 1 ) ยิ่งกว่านั้นยังได้ปฎิสังขรณ์กุฎิหลังเก่าไม่ให้ชำรุดทรุดโทรมลง ด้านการก่อสร้าง ได้สร้างศาลาการเปรียญขึ้น 1 หลัง สร้างหอฉัน หอสวดมนต์ ปรับปรุงกุฎิเก่าๆให้เป็นระเบียบเรียบร้อย นอกจากนั้นยังได้เริ่มก่ออุโบสถหลังใหม่ขึ้น โดยมี ท่านพระครูอาคมสุนทร(มา)วัดสุทัศนเทพวราราม เป็นกำลังช่วยเหลือสำคัญยิ่ง หลวงพ่อเสือ ปกครองวัดนี้ประมาณ 60 กว่าปี ได้มารณภาพเมื่อ 29 มิถุนายน 2489 ตรงกับวันเสาร์ ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 8 ปีจอ สิริอายุได้ 93 พรรษา 71

ส่วนวัตถุมงคลรุ่นแรกของท่านพระอธิการเสือ จัดสร้างเเละปลุกเสก ณ.วัดสุทัศน์ฯกรุงเทพฯ ในพิธีฉลองสุพรรณบัตรของสมเด็จพระสังฆราช(เเพ)ในปี 2483 จำนวนการจัดสร้าง เนื้อทองเเดง 500เหรียญ เนื้อเงิน 500 เหรียญ โดยพระครูอาคมสุนทร ซึ่งท่านได้ไปศึกษาเล่าเรียนเเละได้เป็นพระรับใช้ใกล้ชิดกับสมเด็จพระสังฆราช(เเพ)จึงทูลขอเเละได้รับอนุญาตให้จัดสร้างรุ่นนี้ขึ้น พระครูอาคมสุนทรท่านได้นำเหรียญกลับมาให้หลวงพ่อเสือปลุกเสกเดี่ยวอีกครั้ง เหรียญนี้จึงจัดเป็นเหรียญคณาจารย์ชื่อดัง ยอดนิยมของจังหวัดนครนายกเหรียญหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพุทธคุณดีเด่นของเหรียญนี้ ด้านคงทน มหาอุด เเคล้วคลาด คงกระพันชาตรี จนเป็นที่กล่าวขวัญไปทั่ว ลักษณะของเหรียญเป็นรูปเสมา หูในตัว เนื้อเหรียญมี 2 เนื้อ คือเนื้อเงินเเละเนื้อทองเเดง(สร้างน้อยหายาก)ด้านหน้าเหรียญเป็นรูปเหมือนของหลวงพ่อครึ่งองค์หน้าตรง ห่มดองรัดอก มีกนกลวดลายกลีบดอกไม้ไหวล้อมรอบ เบื้องบนมีเม็ดบัวไข่ปลากลมๆขนาดเล็ก 11 เม็ด ด้านล่างมีตัวหนังสือไทยเขียนว่า พระอธิการเสือ ด้านหลังตรงกลางมียันต์ตรีนิสิงเห สีเหลี่ยมจตุรัสซ้อนขมวดมุมตรงกลางมียันต์น้ำเต้าซ้อน 3 ใบ ยอดอุณาโลม มีอักขระขอม มะ อะ อุ (หัวใจตรีเพชร)ใช้เจิมเป็นสิริมงคลดีนัก เเละอุทธังอัทโธเป็นคาถามหาอุด

ยังไม่ส่ง ข้อมูลยืนยันตัวตน